เอ้ สุชัชวีร์ เคลียร์ดราม่า แนวความคิดถมเตตระพอด ป้องกันน้ำทะเลหนุน หลังเพจวิทย์นอกห้อง เผย พยายามติดต่อช่วยแจง แต่โดนทีมงานผู้สมัครฯ บล็อกช่องทางสื่อสารทั้งหมด ก่อนหน้านี้ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาโพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับ แนวความคิดเรื่องการถมเตตระพอด (Tetrapod) ป้องกันน้ำทะเลหนุน และกัดเซาะชายฝั่ง ผ่านหน้าแฟนเพจของตัวเอง แต่ต่อมาวันที่ 29 ธ.ค.64 เฟซบุ๊กแฟนเพจ วิทย์นอกห้อง ได้ลงภาพโพสต์ดังกล่าวของ เอ้ สุชัชวีร์ เพื่อจะนำเสนอข้อมูลอีกด้านเกี่ยวกับไอเดียการใช้เตตระพอด ทำเขื่อนกันคลื่นชายทะเลบางขุนเทียน ว่าทำไมถึงอาจจะไม่เวิร์กกับพื้นที่ แต่ก็ไม่สามารถชี้แจงได้ในเพจผู้สมัครท่านนี้ หรือเพจของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ได้ เนื่องจากถูกทีมงานผู้สมัครท่านนี้บล็อกช่องทางติดต่อออนไลน์ทั้งหมด ก่อนที่เพจดังกล่าวจะเอาเรื่องนี้มาชี้แจงผ่านหน้าสื่อโซเชียลของทางเพจ
ล่าสุด วันนี้ (30 ธ.ค.64) “เอ้” สุชัชวีร์ ได้ไปลงพื้นที่เขตบางกอกน้อย พร้อมกับทีมงาน
เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับเขื่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีน้ำทะลักในช่วงที่ผ่านมา พร้อมกับไปดูวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด โดยช่วงหนึ่ง อ้างอิงข้อมูลจากสำนักข่าว ไทยรัฐ ผู้สื่อข่าวถามถึงการที่มีแนวความคิดเรื่องการถมเตตระพอด (Tetrapod) ที่ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์นั้น
“เอ้ สุชัชวีร์” กล่าวว่า แนวความคิดดังกล่าว เกิดจากการลงพื้นที่และการเสนอความคิดนี้ก็เป็นความตั้งใจแก้ปัญหา อีกทั้งได้เรียนจบและทำงานด้านนี้ ที่สำคัญจากการลงพื้นที่ก็มีการพูดคุยกับ 4 ชุมชน พบว่า จากการที่ กทม. ปักไม้ไผ่ หลังจากเวลาผ่านไป 1-2 ปี แนวไม้ไผ่ดังกล่าวหักพัง และถูกซัดเข้ามาในบ่อกุ้ง บ่อปลา ทำให้ชาวบ้านทั้ง 4 ชุมชนเดือดร้อน
เรื่องการป้องกันน้ำทะเลหนุน และการป้องกันการกัดเซาะนั้นมีปัญหาทั่วโลก และไม่ใช่ว่าต้องมีชายหาดหรือไม่มีชายหาด แต่จะขึ้นอยู่กับการออกแบบและวิธีการ สิ่งที่ตนนำเสนอนั้นเป็นแนวทางที่นิยมมากที่สุดผ่านการพิสูจน์มาแล้วทั่วโลก ที่สำคัญไม่ต้องทำการขนย้ายหินจากธรรมชาติซึ่งจะเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมได้ แต่สามารถตั้งโรงหล่อใกล้พื้นที่ เป็นการจ้างงานคนในชุมชน และ เตตระพอด นี้เป็นที่นิยมมากจริงๆ ใช้งานง่าย ปัญหาสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าแบบอื่น หากสามารถถมแบบสลับฟันปลา เรือชาวบ้านออกทำประมงได้ สัตว์น้ำขนาดใหญ่เข้ามาได้
“อยากให้มาดูที่บางขุนเทียน ได้มาฟังชาวบ้านด้วย แล้วจะรู้ว่าพวกเขาทุกข์แสนสาหัสอย่างไร ที่ต้องทำแล้วทำอีกและเป็นปัญหาให้กับพวกเขา อยากจะมีโครงสร้างถาวรที่ไม่รกหูรกตา ทำง่ายเสียงบประมาณครั้งเดียวและมีความเป็นสากล สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผมตั้งใจนำเสนอ ขอบคุณผู้ติดตาม และยินดีรับฟังข้อเสนอแนะทุกอย่าง เพื่อไปดำเนินการให้ละเอียดรอบคอบมากขึ้น เราทนได้ครับ ก่อนที่เราจะทำได้ ดีใจที่ติดตามด้วยกันและเห็นด้วยกันว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร” “เอ้ สุชัชวีร์” กล่าว
ธรรมนัส โต้! ไม่ได้สั่งทำ ‘ปฏิทิน’ เตรียมเดินหน้าแจ้งความคนแอบอ้าง
ธรรมนัส ออกปฏิเสธ ไม่ได้ทำ ปฏิทิน ‘ฉันรักธรรมนัส เพราะธรรมนัส สอนให้ฉันรักประชาชน’ ชี้ไม่นิยมอะไรแบบนี้ เตรียมเดินหน้าเอาผิดมือดีต่อไป
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้ออกมาชี้แจงหลังจากที่มีชาวเน็ตได้แชร์ภาพ ปฏิทินประจำปี 2565 ซึ่งบนปฏิทินมีข้อความว่า “ฉันรักธรรมนัส เพราะธรรมนัส สอนให้ฉันรักประชาชน” ซึ่งเป็นคำขวัญของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และกลายเป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักนั้น
โดย ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า ตนไม่ได้สั่งให้ทำปฏิทินดังกล่าว และในปีนี้2565 ไม่ได้จัดทำปฏิทิน และส่วนตัวไม่ได้นิยมอะไรแบบนี้ หลังจากนี้ก็ไม่ได้คิดที่จะทำปฏิทินแจกในช่วงเทศกาลปีใหม่ ส่วนที่มีผู้นำรูปตนและระบุข้อความแบบนั้น ก็เตรียมที่จะแจ้งความดำเนินคดีผู้แอบอ้างต่อไป
นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องติดตาม ประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดหลังเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่อย่างใกล้ชิด เตรียมแผนการรองรับล่วงหน้า ให้สามารถรับมือได้อย่างทันท่วงที สำหรับผู้ที่คิดว่าตนเองมีความเสี่ยงสูง ขอให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน กักตัว ตรวจ ATK เพื่อลดการติดเชื้อภายในครอบครัว รวมทั้งลดการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ออกไปสู่ผู้อื่นด้วย
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงมายื่นคำร้องในวันนี้ เพื่อขอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้เร่งรัดการไต่สวนสอบสวนและวินิจฉัย ส.ส.อีก 18 รายที่เหลือที่ถือครองที่ดิน ส.ป.ก. และภ.บ.ท.5 เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานเหมือนกัน โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติต่อไป นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด
ปารีณาถูกพิพากษาว่าผิดจริยธรรมร้ายแรง เสื่อมเสีย ตัดสิทธิ์สมัครตลอดชีวิต ปารีณาและพี่ทนายทิวา ได้พยายามอย่างสุดความสามารถในการสู้คดีแสดงให้ศาลเห็นและหวังจะได้ความเมตตาจากศาล ศาลก็เมตตาปารีณา ขอกราบขอบพระคุณศาลในความเมตตา และขอน้อมรับคำพิพากษา
วันนี้ ความผิดของปารีณา เปรียบได้กับการลงโทษสูงสุด การลงโทษในคดีมีหลายระดับ คือ เริ่มจากปรับ จำคุก หรือประหารขีวิต ปารีณาถูกพิพากษาเปรียบเสมือนทำผิดร้ายแรงถูกประหารชีวิต (ทางการเมือง) จากที่ดินพ่อให้มา และนี่คือคดีที่จะเป็นบรรทัดฐานต่อนักการเมืองและข้าราชการต่อไป
ถึงแม้ปารีณาไม่สามารถเป็นผู้แทนของท่านได้อีกต่อไป ปารีณาขอขอบคุณทุกกำลังใจ และจะขอยึดมั่นอุดมการณ์ของปารีณาต่อไป และเราจะได้พบกันอีก #ปิดฉากปารีณาไม่เชิญก็ไปมีอะไรก็มา #ผู้แทนบ้านๆฉบับปารีณา #เกมส์ในสภา แต่พบกันอีกเร็วๆนี้นอกสภานะคะ”
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป